เกี่ยวกับเรา

“ปัญหาแรงงาน” จุดเปลี่ยนธุรกิจสู่การผลิตเครื่องจักร

ค่าแรงแพง แรงงานขาดแคลน เจ้าของไร่ต้องใช้วิธี จุดไฟเผา ทำให้อ้อยเสียน้ำหนักและเก็บไว้ทำพันธุ์ปีต่อไปไม่ได้ ต้องลงปลูกกันใหม่ ต้นทุนยิ่งสูง
คุณสามารถจึงคิดว่า ต้องหาเครื่องจักรมาทดแทนการใช้แรงงานมนุษย์ และแบ่งเบาภาระของชาวไร่อ้อย ปี 2528 เอาความรู้ประสบการณ์ด้านช่างมาสร้างรถคีบอ้อย… สามารถเกษตรยนต์ก็ได้แนะนำรถคีบอ้อย ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ให้รู้จัก ตลาดแห่งแรกสำหรับรถคีบอ้อยของบริษัทอยู่ที่ จ.กำแพงเพชร และขายได้ในปริมาณที่น่าพอใจ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีการปลูกอ้อยอย่างหนาแน่นและเป็นตลาดใหญ่ หลังจากนั้นชาวไร่อ้อยจากพื้นที่อื่นจึงเริ่มหันมาใช้รถคีบอ้อย

ตลาดนอกถูกใจ การันตีคุณภาพ

ธุรกิจที่เติบโตขึ้น ทำให้กำลังการผลิตเติบโตตาม ในแต่ละปีมียอดขายสูงถึง 100 – 200 คันต่อปี ทำให้ตัดสินใจเพิ่มกำลังผลิต เพื่อส่งขายในตลาดต่างประเทศด้วย

“คุณสามารถนำความรู้ด้านรถไถ มาบวกกับความเป็นไปได้ในการผลิตรถตัดอ้อย คิดออกแบบและสร้างรถตัดอ้อยมีกระบะบรรจุท่อนอ้อยทำงานแบบอัตโนมัติ ที่มีคุณสมบัติพิเศษสามารถตัดอ้อยได้ในทุกสภาพพื้นที่จะเรียบราบ ไม่ราบเรียบ ลาดชัน 35 องศา พื้นที่เป็นดินอ่อน ดินแข็ง พื้นที่จะเป็นแปลงขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ และไม่ว่าอ้อยจะถูกพายุพัดจนต้นล้ม หรือจะยืนตั้งตรง ซึ่งมียอดขายอันดับต้นๆ ของประเทศ”

บริษัทส่งรถคีบอ้อย แบบคีบหน้าไปยังหลายประเทศ อาทิ อินโดนีเซีย ส่วนรถตัดอ้อยขนาดเล็ก SM-200 ก็ได้รุกเข้าสู่ตลาด 2 แห่งนี้ และแห่งอื่นๆ อาทิ บราซิล กัมพูชา และเมียนมาแล้วด้วย

ครองใจลูกค้า ด้วยจุดเด่น
“ทนทาน-บริการฉับไว”

สิ่งที่แตกต่างจากคู่แข่งรายอื่นๆคือคุณภาพของรถคีบอ้อย และรถตัดอ้อย ผลิตภัณฑ์ทุกอย่างมีการออกแบบที่ทำให้เกษตรกรใช้งานง่าย หาอะไหล่ได้ง่าย และต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพ

“สินค้าของเราทุกตัวที่ออกไป เราใช้โครงสร้างเหล็กที่มีคุณภาพ ผ่านการออกแบบมาอย่างดี ผลิตภัณฑ์จึงมีคุณภาพค่อนข้างสูง อย่างเช่น รถคีบ ที่ลูกค้าบอกว่าทนทานซ่อมน้อยมาก บางคนถึงกับบอกว่าใช้มานาน 10 ปี คุ้มค่าเกินราคา”

ส่ง SM-200C และ SM-200 PREDATOR ลุยตลาดในประเทศ

รถตัดอ้อยรุ่น SM-200C ถือได้ว่าครองใจผู้ใช้งานชาวไทยอย่างมาก ด้วยยอดขายที่เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศมานานกว่า 10 ปีตั้งแต่แนะนำสู่ตลาด รถรุ่นนี้สามารถตัดอ้อยได้ถึง 80-100 ตันต่อวัน มาพร้อมเครื่องยนต์ที่มีกำลัง 200 แรงม้า และลูกสูบ 6 สูบ เหมาะกับแปลงไร่อ้อยขนาดเล็ก และใช้งานได้กับพื้นที่ดอนอย่างเช่น ที่ อ.วังนํ้าเขียว จ.นครราชสีมา สามารถตัดอ้อยในฤดูฝนและอ้อยล้มได้ ถ้าหากพื้นที่ดังกล่าวไม่มีนํ้าขังสูง ส่วนจุดแข็งอีกอย่างหนึ่ง คือ ดูแลรักษาง่ายสำหรับเกษตรกรทั้งในไทยและต่างประเทศ

ผลิตภัณฑ์รุ่นชูโรงอีกตัวหนึ่ง คือ รถตัดอ้อยขนาดใหญ่รุ่น SM-200 PREDATOR ที่มียอดขายแล้วกว่า 20 คัน ทั้งๆ ที่เปิดตัวได้ไม่นาน รถรุ่นนี้มาพร้อมประสิทธิภาพการตัดอ้อย 80-180 ตันต่อวัน โดยใช้เครื่องยนต์แบบเดียวกันคือ 200 และลูกสูบ 6 สูบ จึงเหมาะกับแปลงขนาดเล็กและขนาดกลาง หรือไร่ที่มีความยาวตั้งแต่ 200-1,000 เมตร

สามารถเกษตรยนต์ เปิดตัว “SM200 Predator” ชูจุดแข็งความเร็วสูง ขนส่งเยี่ยม ตอบโจทย์ชาวไร่อ้อย

“SM200 Predator รถเกี่ยวอ้อยรุ่นล่าสุด พัฒนาโดย สามารถเกษตรยนต์”

โดยปรกติแล้ว รถตัดอ้อยจะมีราคาสูงและมีค่าใช้จ่ายในการใช้งาน บางครั้งการย้ายเครื่องจักรขนาดใหญ่ไประหว่างแปลงก็ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายตามมาและกลายเป็นเรื่องยากลำบากของชาวไร่อ้อย อย่างไรก็ตาม บริษัทสามารถเกษตรยนต์ได้เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้กับชาวไร่อ้อยได้
 
ในงานมหกรรมจัดแสดงสินค้าและเทคโนโลยี Sugarex 2022 ที่จัดขึ้นในจังหวัดขอนแก่น ห้างหุ้นส่วนจำกัดสามารถเกษตรยนต์ ได้เปิดตัวรถตัดอ้อยรุ่นล่าสุด นั่นคือ SM-200 Predator ซึ่งได้รับการพัฒนาให้ทันสมัยโดยบริษัทคนไทย โดยชื่อรุ่น Predator บ่งบอกถึงสมรรถนะในการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วทั้งในแปลงไร่อ้อยและท้องถนน

เติบโตไปด้วยกัน” ทางรอดที่ยั่งยืนอุตสาหกรรมอ้อย-นํ้าตาลไทย

“ในฐานะผมเป็นผู้ผลิต เราต้องขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไปพร้อมๆ กัน ไม่ใช่เติบโตได้เพียงคนเดียว มันต้องเป็นชาวไร่ อุตสาหกรรมการผลิต เครื่องจักรกลการเกษตรอุตสาหกรรมอ้อยนํ้าตาลร่วมมือกัน สิ่งสำคัญต้องหันกลับมามองในประเทศมากที่สุดและผลักดันการพัฒนาและให้โอกาสในตลาดมากกว่านี้ ไม่ใช่ผูกขาดธุรกิจเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งถ้าในอนาคตข้างหน้า แม้ราคานํ้าตาลไทยจะแพงกว่าตลาดร้อยเท่า ผมก็จะซื้อนํ้าตาลไทยกิน เพื่อความอยู่รอดของเกษตรกรไทย”

การเลียนแบบผู้อื่น เพราะเราเห็นแล้วว่าแบบที่เราออกแบบจะตอบโจทย์ที่สุด เราเป็นผู้นำในการออกแบบรถตัดอ้อย ดีไซน์ของเราไม่ทำให้ดินแน่น ทำให้ตออ้อยของคุณดี ทำให้เหลือเงินในกระเป๋ามากขึ้น อันนี้คือสิ่งที่เราคำนึงเสมอว่า รถจะต้องเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้า

”สินค้ามีคุณภาพ” “มีประสิทธิภาพสูงสุด”
และ “คุ้มค่าต่อการลงทุน”